[Review] The Meg – เจอกัน 5 ทุ่มที่ช่อง Mono

ช่อง Mono ช่วงประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆ มักจะเอาหนังเกรดบี ที่เน้นดูเอามัน แต่อย่าถามหาถึงตรรกะมาให้ดูบ่อยๆ หลายเรื่องถ้าไม่คิดอะไร (ย้ำ!!! ว่าห้ามคิดอะไรจริงๆ) ก็ดูเพลินก่อนนอนได้ ที่พูดนี่ไม่ใช่จะโฆษณาให้ทีวีช่องนี้ แค่จะบอกว่า “The Meg” หนัง Jason Statham ปะทะฉลามยักษ์ เหมาะมากที่จะไปฉากในช่วงเวลานี้ เผลอๆ อีกไม่กี่เดือนก็ได้ดูละ

ประเด็นคือถ้าเราดู The Meg ครั้งแรกผ่านทางทีวีมันก็คงไม่อะไรมาก เพราะมันดูฟรีไง แต่นี่ดูในโรงซึ่งต้องเสียตังค์อะ ขนาดไม่ได้หวังอะไร ยังรู้สึกเสียตังค์เลย

ปัญหาของ The Meg คือมันเป็นหนังเกรดบีที่พยายาทำตัวเป็น Blockbuster อะ แล้วไปไม่สุดในทั้ง 2 ทาง หนังเกรดบีหลายเรื่องแม้คุณภาพด้าน Production จะต่ำ แต่มักมีจุดเด่นตรงความ Create ความกล้าที่จะแหวกกฎเกณฑ์ ที่แม้หลายครั้งจะ WTF แต่ก็ต้องนับถือในความกล้าของมัน และอาจเพราะที่ผ่านมา โลกเรามีหนังฉลามทั้งเกรดเอ เกรดบี สารพัดรูปแบบมาแล้ว ทั้งแบบสมจริง ไปยันฉลามทอร์นาโด ฉลามโรบอท ฉลามดำดิน ฉลามครึ่งปลาหมึกยักษ์ (อเมริกาเป็นอะไรกับฉลามมากมั้ยเนี่ย) มันเลยให้ฉลามยักษ์ยุคดึกดำบรรพ์ใน The Meg กลายเป็นแค่ฉลามธรรมดาๆ ไปเลย

ขณะที่ถ้าเอาไปเทียบกับหนัง Monster สไตล์ Blockbuster เรื่องอื่นๆ The Meg ก็อ่อนด้อยมากเรื่องความสมเหตุสมผล หลายเรื่องก็ไม่เคลียร์ เช่น อยู่ๆ มีฉลามยักษ์ 2 ตัวได้ไง หรือฉลามยักษ์ตัวที่พระเอกเคยเจอตอนต้นเรื่อง ใช่ตัวเดียวกับ The Meg ฉลามยักษ์ตัวเอกของเรื่องหรือเปล่า ถ้าใช่ทำไมบอกว่า The Meg เพิ่งโผล่มาบนทะเลครั้งแรกช่วงกลางเรื่อง นี่ไม่นับคาแรกเตอร์และอารมณ์ตัวละครที่เหมือนสวิงไปสวิงมาอีก อย่างนางเอกที่ตอนแรกโกรธพระเอกมา ตัดฟุ๊ปฉากตัดมาดีกันแล้ว แถมเหมือนจะตกหลุมรักกันอีก… บอกแล้วอย่าไปถามหาตรรกะจากหนังเรื่องนี้มาก ต้องทำหัวสมองให้โล่งเข้าไว้ ถึงโล่งมากที่สุด

กลายเป็นว่าจุดที่น่าประทับใจสุดในเรื่องนี้ คือฉากที่เกี่ยวกับเมืองไทย (ซึ่งก็อาจไม่ได้ถ่ายในไทยหรอกด้วย) เป็นช่วงเวลาไม่ถึง 5 นาทีที่เราจะได้เจอกับทั้งเพลง Hey Micky เวอร์ชั่นภาษาไทย ที่ไม่รู้ว่าเอาคนต่างชาติมาร้องรู้ป่าว เพราะบางคำก็ฟังไม่ออก การแสดงของปู วิทยา ที่ออกมาในบทเป็นตัวประกอบ แต่เล่นดีกว่าตัวละครทุกคนในเรื่อง หรือการ Tie-in ที่ไม่เนียนเสียเลยของเบียร์ช้าง

อ่อ ใน The Meg ตัวละครจีนได้รับทบาทที่สำคัญเลยทีเดียว และหนังก็พยายามใส่อะไรจีนๆ เข้าไปเยอะ ตามสไตล์หนังที่อยากจะเจาะตลาดจีน ซึ่งเมื่อก่อนเราหมั่นไส้จีนนะที่หนัง Hollywood ต้องมาเอาใจขนาดนี้ แต่หลังๆ เริ่มสงสารจีนละ เพราะแต่ละบทที่ใส่เข้าไป โดยเฉพาะตัวละครหญิง แม้เริ่มแรกจะถูกทำให้ดูเหมือนเก่ง แต่เอาเข้าจริงแล้วน่ารำคาญ วุ่นวาย มีความเป็นส่วนเกินของเรื่อง ยิ่งใน The Meg นี่เห็นได้ชัด สงสาร “หลี่ปิงปิง” ที่ต้องมาอยู่ในหนังซึ่งเหมือนจะเห็นค่าเธอแค่ “เฮ้ย ให้นางเอกเป็นคนจีนละกัน จะได้ขายที่จีนได้”

Previous article[Review] App War – บันทึกชีวิตคน Gen C
Next article[Review] RADWIMPS Asia Live Tour 2018 in BANGKOK – ถ้ามาอีกก็จะไปดูอีก

จุรีพร โนนจุ่น
Latest posts by จุรีพร โนนจุ่น (see all)