[Review] The Age of Shadows – อย่างน้อยก็กงยูหล่ออะนะ

ถึงจะไม่ใช่คอเกาหลี แต่ในช่วงปีที่ 2016 ที่ผ่านมา เชื่อว่าหลายคนอย่างน้อยๆ ต้องได้ยินชื่อ “กงยู” บ้าง ซึ่งน่าจะถือว่าเป็นดาราที่โด่งดังสุดในเกาหลีขณะนี้ จริงๆ กงยูดังมานานแล้ว แม้จะไม่ได้หล่อใสตามพิมพ์นิยมเกาหลีก็ตาม หลายคนรู้จักกงยูจาก “Coffee Prince” เมื่อ 10 ปีก่อน แต่หลังจากเข้ากรมไปเป็นทหาร ก็อาจจะเงียบๆ ไปบ้าง จนกระทั่งปี 2016 นี่แหละ ที่กงยูกลับมาท๊อปฟอร์มอีกครั้ง งานหนังอย่าง “Train to Busan” กลายเป็นหนังทำเงินอันดับ 1 ในเกาหลีประจำปี 2016 และได้รับการตอบรับที่ดีจากทั่วโลก ซีรีส์อย่าง “Goblin” เรตติ้งก็กำลังไปได้สวย และ “The Age of Shadows” หนึ่งในผลงานหนังของกงยูในปีที่ผ่านมา ก็ได้เป็นตัวแทนของเกาหลีใต้ส่งชิงสาขาหนังภาษาต่างประเทศของออสการ์ด้วย (แม้จะตกรอบแล้วก็ตาม)

สำหรับ “The Age of Shadows” เล่าเรื่องราวเกาหลีในช่วงก่อนประมาณปี 1920’s ซึ่งเกาหลีตกอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่นแล้ว ชาวเกาหลีบางส่วนได้รวมตัวโดยมีเป้าหมายจะประกาศอิสรภาพ ทางการญี่ปุ่นสืบทราบเรื่องนี้ จึงส่ง “อีจองซุล” (ซองคังโฮ) สารวัตรตำรวจชาวเกาหลีที่รับใช้ญี่ปุ่น ให้ไปตีสนิทกับ “คิมวูจิน” (กงยู) หนึ่งในผู้นำกลุ่มกองกำลังต่อต้าน ขณะเดียวกันทางคิมวูจินก็วางแผนให้อีจองซุลแปรพักตร์มาเป็นสายลับให้ฝั่งเขาเช่นกัน

ใครที่เป็นแฟนกงยู ก็แนะนำเลยว่าไปดูเถอะครับ เพราะเรื่องนี้ กงยู “หล่อและเท่” สุดๆ ละ ยิ่งงาน Production งาน Makeup Costume ของเรื่องนี้ค่อนข้างเนี้ยบ ยิ่งส่งให้นักแสดงดูดีขึ้นไปอีก ในขณะที่ใน Train to Busan เราจะเห็นกงยูในสภาพกระเซอะกระเซิงวิ่งหนีซอมบี้เป็นส่วนใหญ่ แต่ใน The Age of Shadows เราจะได้เห็นกงยูใส่สูทย้อนยุคที่ดูดีจริงๆ ขนาดฉากที่ต้องดูโทรม ดูมอมแมม ยังค่อนข้างดูดีกว่าใน Train to Busan เสียอีก และนอกจากกงยูแล้ว นักแสดงคนอื่นๆ ในเรื่องก็ดูดีไม่แพ้กัน

อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่นับเรื่องความโดดเด่นทางโปรดักชั่นส์ และนักแสดงแล้ว ส่วนตัวค่อนข้างผิดหวังกับ The Age of Shadows อาจเพราะตั้้งความหวังไว้มาก เนื่องจากส่วนตัวชอบ “The Handmaiden” มาก มองว่าเป็นหนังที่มีความสมบูรณ์แบบในเกือบจะทุกด้านๆ แต่ละสำนักก็คาดการณ์กันว่าเรื่องนี้แหละได้ส่งชิง Oscars แน่ แต่กลายเป็นว่าทางเกาหลีใต้กลับเลือก The Age of Shadows ไปแทน จึงทำให้เกิดความสงสัยว่าเพราะอะไรหนังเรื่องนี้จึงถูกรับเลือก และมันก็ยิ่งผิดหวังไปอีกเมื่อพบว่า The Age of Shadows สู้ The Handmaiden แทบไม่ได้เลย ยกเว้นเรื่อง “ความชาตินิยม” 

จริงๆ The Age of Shadows ก็ถือว่าดูสนุกเพลินๆ อยู่นะ มีจุดหักมุมให้ตื่นเต้นอยู่บ้าง แต่มันยังขาดลูกล่อลูกชน การหักเหลี่ยมแบบสไตล์หนังสายลับอยู่ อาจเพราะการให้ 2 ตัวละครหลัก มาร่วมมือเป็นฝ่ายเดียวกันง่ายเกินไป โดยเฉพาะกับตัวละครอีจองซุลที่น่าจะมีจุดดราม่าและการแตกหักทางอารมณ์มากกว่านี้ การเป็นตัวละครที่ทนต่อสภาพของเกาหลีไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับจากญี่ปุ่น น่าจะทำให้ตัวละครนี้มีปมดราม่าให้เล่นไม่น้อย แต่เหมือนหนังเลือกแล้วว่าจะมาทางชาตินิยม ดังนั้น ตัวละครเกาหลียังไงก็ต้องทำเพื่อเกาหลีอยู่แล้ว การตัดสินใจเลือกข้างก็เลยง่ายไปหน่อย

การที่หนังไม่ค่อยเน้นตัวละครแวดล้อมอื่นๆ มากนัก ยังทำส่วนตัวไม่ค่อยอินกับความสัมพันธ์ในกลุ่มผู้ต่อต้านเท่าไหร่ ซึ่งทำให้ส่วนตัวไม่ค่อยอินกับสิ่งที่เกิดขึ้นกองกำลังต่อต้านช่วงท้ายเรื่องเท่าไหร่

กระนั้น ก็พอเข้าใจว่าทำไมเกาหลีใต้จึงตัดสินใจส่ง “The Age of Shadows” ไปชิง Oscars เพราะให้ความสำคัญกับการเป็นตัวแทน “ความเป็นเกาหลี” มากที่สุด ซึ่ง The Age of Shadows นั้นตอบโจทย์ชัดเจนในการแสดงถึงความรักชาติ ขณะที่หันไปมอง “The Handmaiden” บ้าง แม้จะได้รับคำชมจากเวทีนานาชาติเยอะๆ แต่ตัวหนังอาจไม่ตอบโจทย์ความเป็นเกาหลี เพราะในเรื่องตัวละครแสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากเป็นเกาหลี (มองอีกแง่คือ The Handmaiden ก้าวข้ามเรื่องชาตินิยมไปแล้ว) ส่วน Train to Busan ก็อาจมองได้ว่ามันดูเป็นหนังตลาดมากเกินไป

The Age of Shadows จึงเป็นหนังที่ตอบโจทย์ของกรรมการเกาหลี แม้มันจะไม่ค่อยตอบโจทย์เราก็ตาม อย่างไรก็ตาม ใครที่อยากดูกงยูหล่อๆ เรื่องนี้ยิ่งกว่าตอบโจทย์

จุรีพร โนนจุ่น
Latest posts by จุรีพร โนนจุ่น (see all)