[Review] Mission Impossible: Fallout – ที่สุดของความโรแมนติกในหนังสายลับ (Spoil)

“Mission Impossible: Fallout” ภาคที่ 6 ของแฟรนไชรส์หนังแอคชั่นสายลับฉบับ “Ethan Hunt” (Tom Cruise) ซึ่งน่าทึ่งไม่น้อยกับการที่หนังชุดนี้สามารถเดินทางมาได้ถึง 22 ปี แม้ในทุกๆ ภาคเราแทบจะเดาทิศทางหนังได้อยู่แล้ว คือเริ่มด้วยภารกิจ Impossible แต่ยังไงสุดท้ายมันจะต้อง Possible แน่นอน ภาคนี้ก็เหมือนกัน กระนั้นในความเป็นหนังแอคชั่น มันก็เป็นแอคชั่นที่สนุกมาก อาจไม่ได้มีอะไรที่ฉีกออกไปจากภาคก่อน หรือความแปลกใหม่ในวงการ Action มากนัก แต่มันก็หยิบเอาสิ่งที่ตัวเองมีอยู่มาถ่ายทอดได้อย่างสนุก ไม่สะดุด และไม่ได้ง่ายจนดูถูกคนดูเกินไป

30 นาทีสุดท้ายนี่ทั้งที่พอจะเดาทิศทางหนังได้ แต่มันก็ยังลุ้นระทึกมากอยู่ดี

เอาเป็นว่า Mission Impossible: Fallout เป็นหนังแอคชั่นสายลับที่ดูสนุกมากกกกกก คุ้มค่าหนวดของ Henry Cavill และข้อเท้าที่หักของ Tom Cruise เลย ดังนั้น เราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้มากนัก เพราะหลายๆ เพจคงพูดไปละ แต่เราจะมาพูดถึง “ความโรแมนติก” ที่แฝงอยู่ในภาคนี้แทน แม้มันจะเป็นส่วนเล็กๆ ที่เข้ามาในช่วงท้ายเรื่อง แต่เรารู้สึกว่ามันคือสิ่งที่ทำให้แฟรนไชรส์นี้สมบูรณ์มาก และทำให้ Fallout กลายเป็นภาคที่ชอบที่สุดไปแล้ว

แน่นอน ถัดจากนี้มี Spoil ขนานใหญ่อยู่

ความโรแมนติกที่ว่านี้ คือการกลับมาอีกครั้งของตัวละคร “Julia Meade” (Michelle Monaghan) คนรักของ Ethan ที่ปรากฏตัวในภาค 3 แต่ในภาค 4 หนังตัดสินใจลดบทบาทของตัวละครนี้ ด้วยข้ออ้างว่า Ethan ไม่อยากให้เมียตกอยู่ในอันตราย และในภาค 5 ตัวละครนี้ก็หายไปเลย เปิดโอกาสให้ Ethan ได้มีความสัมพันธ์ครั้งใหม่ แต่ใน Fallout หนังเลือกจะนำเอาตัวละคร Julia กลับมาอีกครั้ง แม้จะมาแค่ระยะเวลาไม่นานในช่วงท้าย แต่มัน Impact มากทีเดียว

ที่มองว่ามัน Impact เพราะหนังแนวสายลับ (ผู้ชาย) ส่วนใหญ่ มักเป็นแนวเนื้อเรื่องจบในตอน พอขึ้นภาคใหม่ก็เนื้อเรื่องใหม่ หาทีมใหม่ และตกหลุมรักกับผู้หญิงคนใหม่ ทำให้เราไม่ค่อยเชื่อเรื่องความลับในหนังสายลับเท่าไหร่ เพราะต่อให้ภาคนี้จะรักกันขนาดไหน แต่งงานกันแล้ว แต่ภาคต่อตัวละครนั้นก็พร้อมโดนลบออกไปได้ตลอดเวลา อาจด้วยข้ออ้างเรื่องความตาย หรือไม่ก็ต้องเลิกกัน ส่วนฝั่่งผู้ชายก็ไปมีรักใหม่ในภาคต่อไปแทน (ว่าไปมันเป็นทัศนคติของ Hollywood ด้วยที่คิดว่า ตัวละครชายที่เป็นโสดจะขายได้ง่ายกว่า)

การกลับมาของ Julia มันจึงทำให้เรารู้สึกว่า “รักแท้ในหนังสายลับมีอยู่จริง” แม้ในภาค 5 จะดูเหมือนว่า Ethan ได้พบรักครั้งใหม่แล้ว แต่เหตุการณ์ใน Fallout ก็ตอกย้ำว่า สำหรับ Ethan แล้ว Julia ก็คือ Julia ไม่มีใครแทนได้ ชอบตรงที่ทั้ง 2 คนได้เจอหน้ากันอีกครั้ง มันทั้งดีใจ กระอักกระอ่วน และกังวลใจ เรารู้สึกทั้ง 2 คนรักกันจริงๆ คอยสนับสนุนช่วยเหลือซึ่งกันและกันในแบบที่ตัวเองจะทำได้ แต่ทั้ง 2 คนก็เข้าใจว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะได้อยู่ด้วยกัน

คือเลิกกันทั้งที่ยังรักกันนี่มันเจ็บกว่าเลิกกันเพราะเกลียดกันอีกนะ

นี่ไงเลยรู้สึกว่า ซีนที่ Julia คุยกับ Ethan ในท้ายเรื่องมันโรแมนติกเหลือเกิน เหมือนบทสนทนาของคนเข้าใจสัจธรรมความรักแล้ว (เว่อร์ไปหน่อย แต่ก็ตามนั้น) ยิ่งในภาคนี้เหมือนจะพยายามใส่ความเป็นมนุษย์เข้าไปในตัว Ethan เยอะมาก เขาไม่ใช่แค่สายลับโลดโผน ที่พร้อมผจญทุกภารกิจเสี่ยงตายแบบไม่เกรงกลัวอะไรอีกแล้ว เราได้สัมผัสว่า Ethan มีความซ้บซ้อนในตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เขาเสพติดการทำภารกิจ อีกใจหนึ่งเขาก็คิดอยากเลิก ในขณะที่เขาพร้อมฆ่าคนร้ายเพื่อให้บรรลุภารกิจ แต่อีกใจเขาก็ไม่อยากมือเปื้อนเลือด เป็นภาคที่รู้สึกว่า Ethan ต้องแบกรับอะไรหลายๆ อย่างไว้ทีเดียว นั่นทำให้การเจอ Julia มันพิเศษ เพราะเหมือน Ethan ได้ปลดล็อกอะไรที่แบกเอาไว้ออกไป

เราจึงรู้สึกว่า นี่แหละความโรแมนติกที่สุดที่หนังแนวสายลับจะมีได้เลย

จุรีพร โนนจุ่น
Latest posts by จุรีพร โนนจุ่น (see all)