“Godzilla: Planet of the Monsters” เป็น Godzilla ฉบับญี่ปุ่นที่ทำออกมาในรูปแบบ Animation เป็นครั้งแรก เล่าเรื่องราวของโลกมนุษย์ที่ถูก Godzilla และเหล่าไคจู ฝ่ายมนุษย์ที่แม้จะมีมนุษย์ต่างดาวมาช่วยก็ยังไม่สามารถต้านทานได้ พวกเขาตัดสินใจหลบหนีไปยังอวกาศเพื่อค้นหาดาวดวงใหม่ แต่กว่า 20 ปีของการค้นหากลับพบแต่ความว่างเปล่า ในขณะที่คนในยานเริ่มหมดอาลัยตายอยากมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาตัดสินใจกลับมายังโลก ก่อนจะพบว่าการวาร์ปในอวกาศ ทำให้เวลาในโลกผ่านไปแล้วกว่า 2 หมื่นปี…และ Godzilla ยังไม่ตาย
ก่อนอื่นพึงทราบว่า Godzilla เรื่องนี้ เป็นบทแรกของไตรภาค โดยภาค 2 จะตามมาในช่วงกลางปีนี้ ส่วนภาค 3 น่าจะปลายปีไม่ก็ปีหน้า ด้วยความที่หนังตั้งใจทำมาเป็นไตรภาค ดังนั้น ในแง่การเป็นหนังเรื่องหนึ่ง เราจะรู้สึกว่า Godzilla: Planet of the Monsters นั้นค่อนข้างติดเครื่องช้า กว่าจะได้บู๊กับ Godzilla ก็ปาไปเกือบท้ายเรื่อง ช่วงแรกที่เน้น Part มนุษย์ ก็มักจะเต็มไปด้วยบทพูด ที่อาจทำให้รู้สึกเนือยเอาได้ง่ายๆ แถมทั้งดราม่าของมนุษย์เองที่ก็ยังไม่ลงรอยว่าพวกเขาควรจะกลับโลกมั้ย หรือความร้ายกาจของ Godzilla ในยุค 2 หมื่นปีข้างหน้า ก็ยังโชว์ออกมาได้ไม่สุดเท่าไหร่
อย่างไรก็ตาม ถ้าเรามองว่านี่คือองก์แรกของหนังขนาดยาว ที่ตัดออกมาฉายก่อน เราจะรู้สึกว่ามันเป็นการเปิดเรื่องที่น่าสนใจทีเดียว หนังทิ้งคำถามให้เรามากมาย ทั้ง Godzilla อยู่มาได้ยังไงถึงขนาดนี้ และมนุษย์จะเอาชนะมันได้มั้ย ซึ่งต่างทำให้เราสนใจที่จะหาคำตอบจนอยากให้ภาคต่อมาเสียเดี๋ยวนี้เลย
เรายังรู้สึกว่า ผลจากความสำเร็จของ Shin Godzilla นั้นได้ Set มาตรฐานของหนัง Godzilla ญี่ปุ่นยุคใหม่เอาไว้ และส่งต่อมาถึง Godzilla: Planet of the Monsters ทั้งการกลับไปเน้นสถานะ “ตัวร้าย” ของ Godzilla และบทบาทของมนุษย์ที่ไม่ใช่เพียงตัวประกอบ แต่คือตัวเอกที่ต้องรับมือกับภัยคุกคามอย่าง Godzilla
แต่สิ่งที่ภาคนี้มียิ่งกว่า Shin Godzilla ก็คือ “ความสิ้นหวัง” ใน Shin Godzilla นั้นกว่าจะปราบได้ก็เล่นเอาเหนื่อย แต่มันดูสบายไปเลย เมื่อเทียบกับ Godzilla ที่มนุษย์ต้องเผชิญในภาคนี้ ทั้งขนาด ความแข็งแกร่ง และพลังทำลายล้าง นั้นใหญ่โตกว่าใน Shin Godzilla หลายเท่า ขณะที่ฝั่งมนุษย์กลับเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ทั้งจำนวนคนที่เหลืออยู่น้อยนิด เทคโนโลยี และทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดจำเขี่ย ช่วงสุดท้ายตอนเผยพลังที่แท้จริงของ Godzilla นี่ได้แต่นึกว่า “เมิงจะเอาอะไรไปสู้ห๊ะ”
อาจไม่ใช่ Godzilla ภาคที่ชอบมากเท่าไหร่ แต่หนังทำสำเร็จในการทำให้เราอยากดูภาคต่อเร็วๆ ตัวหนังเข้าฉายโรงที่ญี่ปุ่นปลายปีก่อน แต่ตอนนี้เอาลง Netflix เรียบร้อยแล้ว ใครสนใจก็ไปตามดูกันได้นะครับ ตัวหนังมี End Credit ด้วยนะครับ อย่าพลาดกัน