[Review] Deadpool – “ศรัทธาจงกลับคืนมา” (Fox ไม่ได้กล่าวแต่คิด)
“Deadpool” อาจเป็นโปรเจคที่ “20th Century Fox” ไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก เมื่อเทียบกับ “X-Men” “Wolverine” หรือกระทั่ง “Fantastic 4” เห็นได้จากทุนสร้างที่เจียดมาให้ Deadpool นั้นค่อนข้างน้อยกว่าเรื่องอื่นๆ ดาราที่มาเล่นนั้นก็ไม่ใช่ดาราที่เป็นที่รู้จักมากนัก แม้แต่ “Ryan Reynolds” เอง ณ ปัจจุบัน ก็ไม่ใช่ดาราแถวหน้าแล้ว ส่วนหนึ่งอาจเพราะความล้มเหลวด้านคำวิจารณ์ของ “X-Men Origins: Wolverine” ที่ Deadpool ได้ปรากฏตัวครั้งแรกในหนัง แต่ก็กลายเป็น Daedpool เวอร์ชั่นที่ไม่น่าจดจำ และถูกสาปส่งจากแฟนคอมมิคพอควร หลังจากนั้นแม้ Fox จะพยายามสร้างภาคแยกให้กับ Deadpool แต่โปรเจคก็ล้มลุกคลุกคลานตลอด จน Fox ให้ไปให้ความสำคัญกับ X-Men วัยหนุ่มที่ประสบความสำเร็จกว่าแทน
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ฟุตเตจทดลองของ Deadpool หลุดออกมาโลกออนไลน์ และได้รับการตอบรับที่ดีจากคนดู Fox จึงตัดสินใจเดินหน้าโปรโจค Deadpool ให้เกิดขึ้นจริง แม้จะไม่ได้ทุ่มมากก็ตาม แต่แล้วความล้มเหลวอย่างไม่น่าให้อภัยของ “Fantastic Four” (2015) ทำให้โปรเจคไม่ใหญ่อย่าง Deadpool กลายเป็นโปรเจคสำคัญสำหรับ Fox ทันที เพราะหาก Deadpool ประสบความสำเร็จ ไม่เพียงแต่เป็นการขยายจักรวาล X-Men ของ Fox ให้กว้างขึ้นเท่านั้น หากแต่ยังเป็นการเรียกคืนศรัทธาจากคนดูของ Fox ในยุคที่หลายคนแอบคาดหวังให้ ลิขสิทธิ์หนัง Marvel ทั้งหมด กลับไปอยู่ที่ค่าย Marvel และรวมเป็นส่วนหนึ่งของ MCU สักที
ซึ่งต้องขอแสดงความยินดีกับ Fox ด้วย…นายทำสำเร็จ
“Deadpool” 2015 ไม่ใช่หนังซุปเปอร์ฮีโร่ ที่มีบทแยบคาย ซับซ้อนนัก มันมีบทที่ค่อนข้างเรียบง่าย ว่าด้วยการล้างแค้นของ “Deadpool” (Ryan Reynolds) หรือชื่อเดิม “Wade Wilson” ซึ่งเดิมเป็นคนธรรมดาที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย จึงตอบรับเข้าทดลองของแล็ปลึกลับ โดยไม่รู้ว่าเป้าหมายการทดลองคือสร้างมนุษย์กลายพันธุ์และขายเป็นสินค้า การทดลองทำให้ทำให้เขาผิวเละทั้งตัว แต่ขณะเดียวกันก็ได้พลัง Healing Factor ฆ่าไม่ตายมาด้วย เมื่อรอดมาได้ เขาจึงตามล้างแค้นทุกคนที่เกี่ยวข้องกับแล็ป จะว่าไปโครงเรื่องก็ดูคล้ายๆ X-Men Origins: Wolverine แถมยังซับซ้อนน้อยกว่าด้วยซ้ำ กระนั้นในความง่ายของเนื้อเรื่อง Deadpool ก็พยายามทำให้ดูมีอะไร ด้วยการเล่าเรื่องสลับไปมา ไม่เรียงลำดับเวลา และใช้คาแรกเตอร์ของตัว Deadpool เป็นจุดขายแทน
เอกลักษณ์ของ Deadpool คือเป็น Anti-Hero ที่นอกจากจะฆ่าไม่ตาย อวัยวะขาดก็ยังสามารถงอกใหม่มาได้เรื่อยแล้ว ยังเป็นคนที่มีความกวนและความเกรียนเป็นที่หนึ่งในโลก Marvel โดยเฉพาะจุดสำคัญคือการเป็นตัวละครที่สามารถ “Breaking the Fourth Wall” ได้ คือรู้ว่าตัวเองเป็นเพียงตัวการ์ตูนที่เขียนขึ้น และบ่อยครั้งก็หันมาคุยกับคนอ่าน/คนดูบ่อยๆ ในหนังพยายามรักษาเอกลักษณ์เหล่านั้นเอาไว้ นั่นทำให้หนังออกมาเป็น Rate R (น.15 สำหรับประเทศไทย) ที่เต็มไปด้วยคำหยาบ เซ็กส์ และความรุนแรง รวมไปถึงมุขเกรียนๆ โดยเฉพาะมุกจิกกัดทั้งหลาย ทั้งจิกวงการบันเทิง จิกขนบหนังฮีโร่ จิก X-Men จิก Fox จิก Green Lantern (หนึ่งในบทที่ Ryan เคยเล่น แต่แป๊ก) รวมถึงตัว Ryan เอง ก็ไม่พ้นโดนจิกเองเช่นกัน แม้ว่าการที่หนังพร่ำคำหยาบหรือมุขจิกกัดตลอดเวลา จะทำให้รู้สึกว่าหนังพยายามมากเกินไปก็ตาม เนื่องจากหลายๆ มุข จังหวะไม่ได้ และไม่ขำก็มี
นอกจากนี้ ถึง Deadpool จะวางตัวเองเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ Rate R เพื่อสร้างความแตกต่าง แต่ก็ไม่ได้แรงเท่าที่ควร คือถ้ามองในแง่เลือดและคำหยาบนั้นถือว่าใช่ รุนแรงจริง แต่ในเชิงเนื้อหาแล้วไม่ได้รุนแรงกับความรู้สึกขนาดนั้น เนื่องจากคนที่ตายส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่หนังวางมาให้เป็นคนเลว และหนังก็ไม่ผูกความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครมากนัก มันจึงไม่ค่อยมีชอตที่ทำร้ายความรู้สึกเท่าไหร่
ส่วนตัวถ้าเทียบกับแนวคล้ายๆ กันระหว่าง Deadpool กับ Kick-Ass นั้น ยกให้เรื่องหลังเหนือกว่าหน่อย ตรงที่มีเนื้อหาให้จับต้องได้มากกว่า และถ้าวัดในแง่ความรุนแรง เรื่องหลังก็จัดเต็มไม่ยั้งกว่า ทั้งในเชิงเลือด และเชิงเนื้อหา ใครเคยดู Kick-Ass จะรู้ว่า การฆ่าตัวละครสำคัญๆ เพื่อทำให้คนดูช็อกนั้น เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาใน Kick-Ass แต่ใน Deadpool มันยังไม่เกิด
อย่างไรก็ตาม ถึงในเชิงเนื้อหาจะยังดูธรรมดาไปหน่อย และหลายๆ มุขก็ไม่ค่อยเก็ทนัก แต่ Fox ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในการเรียกคือนเครดิตกลับมาให้ตัวเองอีกครั้ง ด้วยการสามารถผลักดันให้ Deadpool เป็นซุปเอร์ฮีโร่ที่ดูแตกต่างจากหนังซุปเปอร์ฮีโร่ค่ายหลัก (ไม่นับ Kick-Ass) มีเอกลักษณ์ที่น่าจดจำ ดูดีมีอนาคต ยิ่งเมื่อบวกกับคอสตูมที่ต้องชมว่าออกแบบได้ดูดี และการ PR ที่ส่งเสริมคาแรกเตอร์ความเกรียนให้ตัวละครนี้ไม่น้อย จึงเชื่อว่าน่าจะมีหลายคนอยากดู Deadpool ต่อในภาคถัดๆ ไป
สำหรับใครสงสัยว่าถ้าไม่ได้ดู X-Men มาก่อน จะดู Deadpool รู้เรื่องหรือป่าว จริงๆ ก็สามารถดูรู้เรื่องได้เลย เพราะเนื้อเรื่องของ Deadpool 2015 นั้นค่อนข้างเป็นเอกเทศ แม้จะจัดอยู่ในจักรวาลเดียวกับ X-Men ก็ตาม และ Deadpool เวอร์ชั่นนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับอะไรกับ Deadpool ใน X-Men Origins: Wolverine แต่อย่างไร เพราะการมาของ X-Men: Days of Future Past ได้ทำให้เกิดการ Reset จักวาลใหม่ เรื่องราวที่เกิดขึ้นใน X-Men 1 2 3 และ Wolverine 1 2 ถือว่าอยู่ใน Timeline เก่า แต่ Deadpool 2015 ดำเนินเรื่องใน Timeline ใหม่ ที่ X-Men: Days of Future Past สร้างขึ้น
อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ดู X-Men: Day of Future Past, X-Men Origins: Wolverine รวมถึง Green Lantern เพื่อความเข้าใจมุขจิกกัดต่างๆ ใน Deadpool ได้ดียิ่งขึ้น
Share
- การรักษา Lockjaw - 01/24/2024
- อาการบาดทะยักคืออะไร? - 04/26/2023
- วิธีรักษาซิฟิลิส - 04/24/2023