[Review] Come Rain, Come Shine – เรายังรักกันอยู่ใช่ไหม

ในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนแยกทาง เราจะพูดอะไรกับอดีตคนรักของเรากัน… บางทีอาจง่ายกว่า ถ้ามันจบด้วยการทะเลาะกัน

“Come Rain, Come Shine” เป็นหนังเกาหลีใต้ที่ออกฉายในปี 2011 และได้รับการพูดถึงว่า เป็นหนึ่งในหนังที่ทำให้วงการหนังเกาหลีกลับมาคึกคักและเป็นที่ยอมรับอีกครั้ง หลังจากซบเซาไปหลายปี สำหรับคนดูทั่วไป ความน่าดึงดูดของเรื่องนี้คงหนีไม่พ้น 2 นักแสดงนำที่คอเกาหลีในไทยรู้จักกันดีอย่าง “ฮยอนบิน” และ “อิมซูจอง” แต่ก็ต้องเตือนไว้เช่นกัน ว่าหนังอาจไม่ได้มาในสไตล์โรแมนติกหรือดราม่าที่คุ้นเคย เพราะมีความเป็น Minimalist สูง น้อยทั้งนักแสดง เรื่องราว ฉาก ไปจนยันไดอาล็อกที่มีเพียงไม่กี่ประโยค และดูจะเป็นประโยคซ้ำๆ กัน ซึ่งนั่นทำให้คนที่ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อน อาจวูบหลับได้ตั้งแต่ 10 นาทีแรก

ตัวหนังเล่าถึงคู่สามีภรรยาคู่หนึ่ง (ฮยอนบิน และ อิมซูจอง) ที่ตัดสินใจจบชีวิตคู่ 5 ปี เมื่อฝ่ายหญิงต้องการย้ายไปอยู่กับคนใหม่ และในวันสุดท้ายก่อนที่ฝ่ายหญิงจะย้ายออกจากบ้านไป สายฝนที่กระหน่ำลงมา ก็เหมือนจงใจขังทั้ง 2 ให้อยู่ด้วยกันนานอีกหน่อยในบ้านที่เคยเป็นของพวกเขาทั้งสองคน จากนั้นที่เหลือคือการที่หนังพาไปสำรวจจิตใจและพฤติกรรมของคู่สามีภรรยาที่กำลังจะกลายเป็นอดีต ซึ่งแทนที่จะเต็มไปด้วยอารมณ์ ความเกลียดชังต่อกัน ตรงกันข้ามเหมือนฝ่ายชายจะยอมรับการจากลาครั้งนี้แต่โดยดี แถมยังช่วยฝ่ายหญิงเก็บของด้วย แต่นั้นมันกลับยิ่งทำให้บรรยากาศอึดอัดมากขึ้นกว่าเดิม

หนังไม่ได้เหตุผลว่า เพราะอะไรฝ่ายหญิงถึงไปมีคนใหม่ การนำเสนอฝ่ายหญิงให้ดูเป็นคนอารมณ์ร้อน ทำให้เรานึกไปก่อนว่า ฝ่ายหญิงคือต้นเหตุของความสัมพันธ์ที่พังลง ในขณะที่ฝ่ายชายดูค่อนข้างเป็นสุภาพบุรุษ พูดน้อย และใจเย็น “ไม่เป็นไร” กลายเป็นคำพูดติดปากของเขา ราวกับว่าทุกปัญหาสามารถแก้ไขได้ แม้กระทั่งการที่ภรรยาของเขากำลังจะย้ายไปอยู่กับคนใหม่ก็ตาม อย่างไรก็ตาม การเฝ้ามองชีวิตของทั้งสองในห้วงสุดท้ายที่อยู่ด้วยกัน ก็ทำให้เราเข้าใจว่า ถึงยังไงชีวิตของพวกเขาก็คงต้องจบลงแบบนี้อยู่ดี และการมีคนใหม่เป็นเพียงแค่ปลายเหตุเท่านั้น

“Come Rain, Come Shine” นั้นแสดงให้เห็นว่า ที่คนเราเลิกกันเพราะ “เข้ากันไม่ได้” นั้นมันเป็นเช่นไร ว่าที่อดีตสามีภรรยาคู่นี้ไม่ได้เกลียดกัน ทั้ง 2 คนยังคงเป็นห่วยเป็นใยอีกฝ่าย แต่อาจเพราะทั้ง 2 เป็นตัวเองมากเกินไป ฝ่ายหญิงอาจจะอารมณ์ร้อนเกินไป และฝ่ายชายอาจดูเฉยชามากเกินไป ต่อให้ยังรักกัน มันก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้อยู่ด้วยกัน และการเป็นคนดีก็ไม่ใช่ปัจจัยจะช่วยต่ออายุชีวิตคู่ได้

หนังพยายามถ่ายทอดช่วงเวลาวันสุดท้ายที่ทั้ง 2 อยู่ด้วยกัน ซึ่งเต็มไปด้วยความเงียบเชียบ อึดอัด ซึ่งคาดว่าวันอื่นๆ คงไม่ต่างกัน ความสัมพันธ์แบบนี้ ให้จบลงด้วยการทะเลาะมันอาจจะดีเสียกว่า เพราะอย่างน้อยการทะเลาะ ด่าทอ มันก็ยังพอสื่อว่าไม่อยากสูญเสียอีกฝ่ายไป มีความพยายามจะยื้ออีกฝ่ายไว้ แต่นี่่ฝ่ายชายกลับยอมรับโดยดุษฎี ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่อะไร มันก็เลยยิ่งอึดอัดในความรู้สึกของฝ่ายหญิงเข้าไปอีก

หนังเดินเรื่องอย่างราบเรียบ ซึ่งนั่นทำให้ตัวเรื่องค่อนข้างน่าเบื่อ ผมเองก็ไม่ได้ดูรวดเดียวจบ มีหยุดพักไปเหมือนกัน แต่ความน่าเบื่อนี้มันก็ทำให้เราคิดเช่นกันว่า ต่อให้คู่ชีวิตของเราเป็นคนดีแค่ไหน แต่ชีวิตคู่มันช่างอึดอัดเช่นนี้ เราจะทนอยู่มั้ย

“เรายังรักกันอยู่ใช่ไหม” คำตอบอาจเป็นยังรักกัน…แต่ก็นั่นแหละ บางทีแค่ความรักมันไม่พอหรอก

จุรีพร โนนจุ่น
Latest posts by จุรีพร โนนจุ่น (see all)