[Review] Baby Driver – ชีวิตแค่ต้องการเสียงเพลง

ไม่แน่ใจว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องแรกที่จุดกระแสการใช้เพลงเก่ายุค 90’s ลงไปมาประกอบในหนังยุคนี้ แต่ที่แน่ๆ คือเราได้เห็นการใช้เพลงเก่าเป็นจุดขายของหนังหลายเรื่องจาก Hollywood ทั้งใช้ใน Teaser Trailer หรือใช้ในตัวหนังจริง ซึ่งช่วงแรกๆ ก็ให้ความรู้สึกแปลกใหม่และรำลึกความหลังดี แต่หลังๆ ก็มีบางเรื่องเช่นกันรู้สึกว่าสักแต่จะยัดเพลงเก่าเข้ามาเพราะคิดว่าจะทำให้หนังดูดีขึ้น ทั้งที่ไม่ได้เข้ากันเลย

ขอบคุณที่ “Baby Driver” ไม่ได้เป็นเช่นนั้น อันที่จริงนี่เป็นหนังที่เรารู้สึกว่า ผสานเพลง ดนตรี เข้ากับการดำเนินเรื่องได้ค่อนข้าง “เนียน” เลยทีเดียว อ่านเบื้องหลังเห็นว่าตัดต่อกันสดๆ ตอนถ่ายเลย ถึงว่าทำให้จังหวะเพลงและจังหวะดูสอดประสานกันได้ขนาดนี้ แถมเนียนอย่างเดียวไม่พอ Baby Driver ยังเป็นหนังที่ดูสนุกมากด้วยเช่นกัน

“Baby Driver” อาจไม่ได้เนื้อเรื่องที่พิเศษอะไรมากนัก มันคือเรื่องราวของโจรคนหนึ่งที่อยากจะถอนตัวจากวงการและหนีไปกับความรักของเขา แต่ที่พิเศษก็เพราะนี่คือผลงานของ “Edgar Wright” หนึ่งในผู้กำกับที่โดดเด่นในการเล่าเรื่อง ตัดต่อ และการหักมุมเล็กๆ ในชะตากรรมตัวละคร ที่เปลี่ยนให้เรื่องธรรมดาๆ กลายเป็นเรื่องที่บางทีเราคาดไม่ได้ว่าจะดำเนินไปทางไหน

และที่ขาดไม่ได้คือ การสร้างสรรค์คาแรกเตอร์ตัวละครที่น่าจดจำ โดยใน Baby Driver คือตัว “Baby” (Ansel Elgort) ตีนผีระดับพระกาฬที่รับจ๊อบเป็นขาซิ่งพาโจรไปปล้นธนาคาร ซึ่งความโดดเด่นของ Baby นอกจากฝีมือแล้วก็คือการที่เขารักดนตรีและฟังเพลงอยู่แทบจะตลอดเวลา แม้กระทั่งขณะทำภารกิจ ว่าไปสำหรับ Baby แล้ว เพลงคือส่วนสำคัญในการทำให้ภารกิจลุล่วงเสียด้วยซ้ำ

การสร้างให้ตัวเอกเป็นคนติดเพลง เปิดโอกาสให้หนังใส่เพลงเข้าไปในเรื่องได้เต็มที่ แต่ก็ใช่ว่าสักแต่จะใส่เพลงเท่านั้น Edgar Wright เลือกจะใส่เพลงมาเฉพาะตอนที่ Baby ใส่หูฟัง หรือเปิดเพลงอยู่ และค่อยๆ fade เสียงเพลงออกไป เมื่อ Baby ดึงหูฟังออก มันทำให้เหมือนเรามองโลกแบบเดียวกับที่ Baby มอง โลกที่มีดนตรีเป็นส่วนประกอบ มันยังทำให้เรานึกไปถึงที่หนังเรื่อง Begin Again เคยบอกประมาณว่า “เมื่อมีดนตรี ทุกฉากที่เรามองโลกก็ไม่เหมือนเดิม” ความรู้สึกคงไม่ต่างจากที่ Baby ใช้เพลงสร้างมุมมองโลกในแบบของเขาขึ้นมา (ในหนังจะมีอธิบายอยู่ว่าทำไมเขาถึงติดเพลงขนาดนี้) มันจึงทำให้หนังที่เหมือนจะมีเนื้อเรื่องที่ธรรมดา กลายเป็นความไม่ธรรมดาขึ้นมาทันที

ในแง่ความสนุกแล้ว Baby Driver ยังเป็นหนังที่ดูสนุกมากทีเดียว ช่วงแรกๆ อาจไม่เท่าไหร่ แต่ครึ่งหลัง โดยเฉพาะช่วงท้ายเรื่องนี่ลุ้นมันส์มาก จังหวะเพลงกับหนังก็เข้ากันสุดๆ แม้มันอาจไม่วายป่วงเท่าเรื่องก่อนๆ ของ Edgar Wright แต่ก็ถือว่าเป็นการกลับมาที่ไม่ผิดหวังเลยทีเดียว

ถ้าชอบดูอะไรต่อดี: Hot Fuzz (2007), Drive (2011)

Previous article[Review] The Beguiled – ใครว่าผู้หญิงง่าย (Spoil)

Next article[Criticism] Mother! – พระเจ้าสร้างโลกเพื่ออะไร (Spoil)











จุรีพร โนนจุ่น
Latest posts by จุรีพร โนนจุ่น (see all)