[กรุหนังเก่า] The Big Boss – เปิดตำนานไอ้หนุ่มซินตึ้ง

ภาพยนตร์เรื่องที่ 3 จากโครงการ “ทึ่ง! หนังโลก” ของหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ที่ได้ไปดูมาสัปดาห์นี้ (14 พฤษภาคม 2560) ซึ่งครั้งนี้เป็นเรื่อง “The Big Boss” หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ “ไอ้หนุ่มซินตึ้ง” (ซินตึ้งเป็นคำที่ใช้เรียกชาวแต้จิ๋วที่มาทำงานในไทย) ซึ่งออกฉายเมื่อปี 1971 ก่อนหน้านั้น “Bruce Lee” ได้ย้ายไปอยู่อเมริกาและเริ่มเป็นที่รู้จักบ้างจากบทสมทบในซีรีส์ “The Green Hornet” แต่ The Big Boss ถือได้ว่าเป็นหนังแจ้งเกิดเขาในวงการหนังแบบเต็มตัวครั้งแรก

เนื้อหาของ The Big Boss ก็เรียบง่ายตามสไตล์หนังล้างแค้น Bruce Lee รับบทเป็น “เฉาอัน” หนุ่มชาวจีนที่เข้ามาทำงานในไทย ก่อนจะพบว่าโรงงานที่เขาทำงานอยู่ลักลอบค้ายาเสพติด และญาติสนิทมิตรสหายก็เริ่มถูกปิดปากไปทีละคน เฉาอันจึงต้องลุกขึ้นสู้อีกครั้ง แม้ว่าจะเคยสัญญากับแม่ว่าจะไม่ต่อยตีกับใครอีก

อย่างแรกที่ต้องทำใจคือ ด้วยความเป็นหนังเกือบ 50 ปีที่แล้ว และทุนหนังก็ไม่ได้สูงนัก ดังนั้น พอมาดูตอนนี้ ทั้งเนื้อเรื่องและคิวบู๊เลยดูเชยและตลกมาก เตะห่างเป็นคืบ แต่อีกฝ่ายล้มไปด้วยความทุรนทุรายละ ยิ่งคิวบู๊ที่มีอาวุธด้วย ยิ่งเห็นถึงความไม่เนียน เลือดปลอมก็ดูปล๊อมปลอม ความคิดของตัวละครหลายคนในเรื่องก็บอกไม่ถูกว่าเป็นคนซื่อหรือไม่ฉลาดกันแน่ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการมองจากสายตาปัจจุบัน ถ้ามองจากสายตาคนยุคนั้น The Big Boss คงเป็นหนังแอคชั่นส์ที่สนุกและแปลกใหม่มากทีเดียว

และถ้าข้ามเนื้อเรื่องกับคิวบู๊ไป ก็มีบางสิ่งเหมือนกันใน The Big Boss เหมือนกันที่ยังอยู่เหนือกาลเวลา อย่างแรกคือ ตัว Bruce Lee เอง การวาดลวดลายกังฟูของเขาดูโดดเด่นกว่าคนอื่นในเรื่องอย่างเห็นได้ชัด สมกับที่ฝึกกังฟูมาจริงๆ ทำให้เราพอมองข้ามฉากแอคชั่นโดยรวมของเรื่องที่ดูไม่เนียนไปได้ ยิ่งเวลาที่ Bruce Lee เตะต่อย ที่มาพร้อมกับท่าทางยียวน การเกร็งทั้งใบหน้าและกล้ามเนื้อ ไปจนถึงเสียงร้องขณะต่อสู้ มันกลายเป็นเอกลักษณ์ของ Bruce Lee ที่ยากจะมีใครเหมือน และต่อให้มีใครทำเหมือนก็ให้ความรู้สึกไม่เท่าเขา

อีกอย่างที่อยู่เหนือกาลเวลา ก็คือ “ดนตรีประกอบ” ของเรื่อง ที่บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าแนวไหน บางช่วงเสียงเหมือนแตกพร่า บางช่วงไม่ลื่นไหล การตัดต่อเสียงก็มีความ “กวนตีน” ไม่น้อย เช่นจังหวะเร่งเร้าอยู่ดีๆ แป๊บๆ พลิกมาจังหวะช้าๆ นุ่มนวล แล้วกลับไปจังหวะมันส์ๆ อีก แต่แปลกที่รวมๆ กันแล้วกลับโคตรเป็นเอกลักษณ์และติดหูมาก

สุดท้ายคือ นางเอกน่ารักมาก 555 ทราบชื่อตอนหลังว่าคือ “Maria Yi” ซึ่งต่อมาได้เล่นกับ Bruce Lee อีกในเรื่อง “Fist of Fury” (1972) นอกจากนางเอกแล้ว ตัวประกอบของเรื่อง “สาวขายน้ำแข็งใส”ที่แม้จะออกมาไม่กี่ฉาก แต่ก็น่ารักติดตามาก เธอคือ “Nora Miao” โดยต่อมาเธอได้เป็นนางเอกเต็มตัวของ Bruce Lee ในเรื่อง “Way the Dragon” (1972) ซึ่งเรื่องนี้ยังมี “Chuck Noris” มาเล่นด้วย

ถึง “The Big Boss” อาจเป็นหนังแอคชั่นที่พ้นสมัยแล้วในปัจจุบัน แต่การได้เห็นตำนานแอคชั่นสตาร์แห่งยุคบนจอใหญ่ครั้งแรก ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีเหมือนกัน

ป.ล. ที่ไม่คาดคิดคือ หนังมีฉาก Service คนดูหนุ่มๆ ด้วยแฮะ แบบจงใจ Service กันเต็มๆ จนบางทีดูตลกด้วยซ้ำ 55 เห็นว่าฉบับฉายอเมริกานั้นได้ตัดฉากเหล่่านี้อีก ถ้าอย่างนั้นถือว่าคนไทยโชคดีจริงๆ ได้ดูแบบไม่ตัด 555 ไม่แน่ใจว่าเป็นค่านิยมของหนังเอเชียยุคนั้นหรือเปล่า เพราะหนังไทยยุคนั้นเองก็มีฉาก Service แบบนี้ โดยมีตำแหน่ง “ดาวยั่ว” ประจำหนังโดยเฉพาะเหมือนกัน

จุรีพร โนนจุ่น
Latest posts by จุรีพร โนนจุ่น (see all)