เป็นธรรมดาที่ภาคแรกประสบความสำเร็จ จะมีภาค 2 ตามมา ซึ่งคราวนี้เป็นคิวของ “John Wick” หนัง Action ที่โดดเด่นด้วยคาแรกเตอร์ตัวละคร “ฆ่าได้หยามไม่ได้” แค่หมากรุโดนฆ่า และรถโดนขโมย พี่แกเล่นล้างโคตรไปไม่รู้กี่ศพ อย่างไรก็ตาม คงต้องบอกไว้ก่อนว่า ส่วนตัวค่อนข้างเฉยๆ กับภาคแรก เพราะรู้สึกว่ามันเท่แต่ไปไม่สุด ฉาก Action มันส์และโหดก็จริง แต่ก็เป็นสไตล์เดียวกันเกือบทั้งเรื่อง จนไม่มีซีนโดดเด่นที่น่าจดจำเป็นพิเศษ
พอมา “John Wick 2” ภาคนี้ขยายสเกลใหญ่ขึ้นกว่าภาคแรกมาก หลังจากที่ภาคแรกจะเน้นไปที่การล้างแค้นส่วนตัวของ John แต่ภาคนี้เรื่องราวจะเกี่ยวข้องกับวงการมาเฟียเลย วงการมาเฟียในเรื่องนี้จะมีสภามาเฟียคอยควบคุมอยู่อีกทีหนึ่ง John เคยทำงานให้สภาแต่ถอนตัวออกมา กระนั้น John ก็ถูกขอให้กลับมารับงานอีกครั้ง และเขาไม่สามารถปฏิเสธได้ เมื่อเขามีพันธะบุญคุณต้องตอบแทนกับผู้ร้องขออยู่ แม้จะรู้ว่าหากเขารับงานนี้ ชีวิตเขาจะมีวันสงบสุข (ซึ่งปกติก็ไม่ค่อยสงบอยู่ละ)
ตัวหนังยังรักษาเอกลักษณ์ “ฆ่าได้หยามไม่ได้” ของ John Wick ไว้ได้อย่างดี ซึ่งคติแบบ John Wick นี้ ไม่มีอะไรจะเข้ากันได้ดีไปกว่าโลกกำลังภายในอีกแล้ว ใครที่ชอบอ่านหรือดูพวกหนังแนวกำลังภายใน จะคุ้นเคยกับกฎเกณฑ์ของยุทธภพอย่าง บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ ลูกผู้ชายถือสัจจะเป็นที่หนึ่ง หน้าที่มาก่อนเรื่องส่วนตัว ซึ่งกฎเกณฑ์ต่างๆ เหล่านี้ถูกนำมาประยุกต์ให้กลายเป็นวงการมาเฟียในโลกของ John Wick โดยภาคนี้ John Wick จะเปรียบเสมือนชาวยุทธที่ต้องการวางมือ แต่ตามที่ใครในยุทธภพกล่าวไว้ก็ไม่รู้ว่า “เป็นชาวยุทธวันเดียว เหมือนเป็นตลอดชีวิต” แม้เขาอยากวางมือ แต่คนอื่นไม่ได้อยากกับเขาด้วยนิ ก็เลยกลายเป็นเรื่องตามมา
คติข้อหนึ่งของชาวยุทธซึ่งถูกใช้เป็นกฎเกณฑ์หลักในวงการมาเฟียในเรื่องนี้ด้วยก็คือ “บุญคุณต้องทดแทน” เมื่อนักฆ่าได้รับการช่วยเหลือจากใคร เขาจะมอบตราประทับ เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าได้ติดหนี้ชีวิตอีกฝ่าย และพร้อมตอบแทนอีกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม หลักการข้อนี้นี่แหละที่่ทำให้ John Wick ต้องเผชิญการตามล่าจากนักฆ่ามากมาย แต่ก็นั่นแหละ…ลูกผู้ชายสัญญาต้องเป็นสัญญา
ส่วนตัวชอบแนวคิดการสร้างโลกมาเฟียแบบยุทธจักรกำลังภายในของ John Wick มีหลายอย่างที่เราคุ้นเคย กระทั่งพรรคกระยาจกก็ยังมีให้เห็นในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ส่วนที่ไม่ชอบใน John Wick ภาคแรก ก็ยังมีอยู่ใน John Wick ภาคนี้ นั่นคือการที่หนังไปไม่สุด ทั้งๆ ที่ปูเรื่องราวและตัวละครมาอย่างเท่ แต่พอบทจะสู้จริงๆ กลับง่ายและจบลงในเวลาไม่นาน โดยเฉพาะกับตัวบอสรองที่เป็นสาวใบ้ ซึ่งทั้งเรื่องหนังพยายามทำให้คิดว่าต้องเก่งมากแน่ๆ แต่พอถึงคิวจริงแล้วก็… ขณะที่ฉาก Action ก็ยังเป็นแบบภาคก่อนคือ โหดจริง ตายจริง ตายกันระนาวด้วย แต่ก็ค่อนข้างเป็นแบบเดียวกันตลอดทั้งเรื่อง จนไม่มีซีนที่โดดเด่นเป็นพิเศษเหมือนเดิม
โดยสรุปชอบมากกว่าภาคแรกนิดหน่อย เพราะไอเดียยุทธจักรที่ใส่เข้าไป แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นเป็นหนัง Action ที่ติดใจสักเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามใครที่ชอบสไตล์ John Wick แบบภาคแรก ก็น่าจะชอบภาคนี้ได้ไม่ยากเช่นกัน