[Review] Jack Ryan: Shadow Recruit – ปัญญาประดุจดังอาวุธ

ไม่รู้เป็นธรรมเนียมหรือป่าวว่า หากอยากให้ตัวละครสายลับประสบความสำเร็จให้ตั้งชื่อขึ้นต้นด้วยตัว “J” ไว้ก่อน เพราะตอนนี้เรามีทั้ง James Bond, Jason Bourne, Jack Reacher และล่าสุดอย่าง Jack Ryan ซึ่งตามข้อมูลที่ได้มา ตัวละคร Jack Ryan มีที่มาจากนวนิยายของ “Tom Clancy” ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ถูกนำไปสร้างเป็นหนังมาแล้วถึง 4 ครั้ง แต่เนื่องจากส่วนตัวไม่เคยอ่านและไม่เคยดูหนัง Jack Ryan มาก่อน จึงจะไม่กล่าวถึงส่วนนั้น ขอกล่าวถึงเฉพาะส่วนของหนัง Jack Ryan เรื่องล่าสุดที่ใช้ชื่อห้อยท้ายว่า Shadow Recruit ซึ่งในช่วงโปรโมตต้องขอบอกตามตรงว่าหน้าหนังทำออกมาได้ไม่ชวนดูเสียเลย และอาจส่อแววเจ๊งด้วยซ้ำ

แต่อาจเพราะหน้าหนังไม่ชวนดูนี่แหละ ทำให้เราไม่คาดหวังกับมันมาก และพอไม่คาดหวังก็เลยพบว่า เออ…หนังก็สนุกดูเหมือนกัน แม้ว่าโดยตัวของ Jack Ryan: Shadow Recruit จะไม่ใช่หนังแนวแอ็คชั่นสายลับที่ดีเลิศอะไรนัก แต่ในระหว่างดูหนังก็ยังมอบความสนุก ความตื่นเต้น ตามแบบฉบับที่หนังแอ็คชั่นสายลับควรจะมีได้โดยเฉพาะในช่วงท้ายของเรื่อง ไปพร้อมๆ กับการสร้างจุดยืนที่แตกต่างจากสายลับคนอื่นๆ ให้กับตัว Jack Ryan ได้เช่นกัน

ถ้า Jame Bond คือสายลับมาดขรึม เน้น Gadget (ภาคหลังๆ ไม่เน้นแล้ว) Jason Bourne คือสายลับอันตรายที่สามารถใช้ทุกสิ่งเป็นอาวุธได้ Jack Reacher คือสายลับอดีตสารวัตรทหารผู้เก่งกาจด้านการสืบสวน จุดต่างของ Jack Ryan กับเหล่าบรรดาสายลับตัว J ที่ว่ามาคือ Jack Ryan คือสายลับที่มีพื้นฐานทางด้านการต่อสู้น้อยที่สุด เพราะงานหลักของเขาคือ “นักวิเคราะห์” ฐานปฏิบัติการของเขาอยู่ในออฟฟิศไม่ใช่สนามรบ แม้จะเคยมีประสบการณ์การเป็นทหารมาบ้าง แต่ก็เป็นแค่ช่วงสั้นๆ ซึ่งจบลงด้วยอาการบาดเจ็บจนเกือบเดินไม่ได้

แต่สิ่งที่ Jack Ryan มีเหนือกว่าคนอื่นก็คือ “มันสมอง” อันล้ำเลิศ สามารถจดจำรายละเอียดต่างๆ และนำมันมาวิเคราะห์เพื่อหาสมมติฐานสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ความสามารถนี้เองที่ทำให้ Jack Ryan ได้รับเลือกให้เข้าเป็นสายลับให้กับ CIA โดยปฎิบัติการแฝงตัวในบริษัทเงินทุนย่านวอลล์ สตรีท เพื่อสืบหาเส้นทางการเงินของกลุ่มก่อการร้าย ความสนุกที่สุดของหนังคือการได้เห็น Jack Ryan ใช้สมองของเขาให้เป็นประโยชน์ ซึ่งหลายครั้งก็ช่างน่าทึ่งและรู้สึกได้เลยว่า “ไอ้หมอนี่โครตเก่ง” เมื่อผนวกรวมกับการที่หนังใช้เหตุการณ์หลักของเรื่องเป็น “การก่อการร้ายทางเศรษฐกิจ” อย่าง “การทุบค่าเงิน” ทำให้ Jack Ryan ภาคนี้ดูทันสมัย ไม่ตกยุคกลายเป็นหนังสายลับสงครามเย็นอีกต่อไป แต่ข้อเสียก็คือ การทุบค่าเงินเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และหนังเล่าค่อนข้างเร็ว ใครตามไม่ทันก็อาจมีงงได้

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากฉากโชว์บุ๋นอันน่าประทับใจแล้ว หนังก็ยังเติมฉากโชว์บู๊เข้าไปด้วย อาจเพราะกลัวว่าหนังจะน่าเบื่อไป ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าไม่จำเป็นเท่าไหร่ เพราะฉากบุ๋นที่มีอยู่ก็น่าสนใจในตัวเองอยู่แล้ว แต่ยังดีที่ฉากบู๊ที่เติมเข้าไปถือว่ายังอยู่ในระดับที่พอดีๆ และภายใต้เงื่อนไขที่ว่า Jack ไม่ใช่ทหารมืออาชีพ เราจึงเห็นว่าแต่ละครั้งที่เขาต้องออกแอ็คชั่น มันไม่ได้สมบูรณ์แบบ แถมยังมีอาการสั่นๆ กลัวๆ อีก แต่ภายใต้ความสั่นนั้นก็ทำให้เราเห็นถึง “ความกล้า” ซึ่งเป็นอีกคุณสมบัติหนึ่งของ Jack และการที่ได้ Chris Pine มารับบทนี้ถือว่าเหมาะเหม็งเลยทีเดียว เพราะ Chris สามารถเติมบุคลิกความเป็นผู้นำและความกล้าหาญให้กับตัวละครนี้ได้เป็นอย่างดี แบบเดียวกับที่เขาเคยทำได้กับกัปตัน Kirk ใน Star Trek

Jack Ryan: Shadow Recruit ประสบความสำเร็จใจการสร้างคาแรกเตอร์ตัว Jack Ryan ให้กลับมาเป็นที่น่าจดจำอีกครั้ง แต่หนังก็ยังมีจุดอ่อนหลายประการ ทั้งการปูเรื่องที่ใช้ระยะเวลานานไป และที่สำคัญคือตัวละครแวดล้อมแม้แต่ตัวคนรักของ Jack เอง ที่บทบาทยังค่อนข้างเจือจางอยู่ และหากหนังอาจจะสานต่อแฟรนส์ไชส์ต่อไป ก็ควรตระหนักว่่า เสน่ห์ของ Jack อยู่ที่ “สติปัญญา” ของเขา อย่าหลุดแอ็คชั่นมากไปเป็นอันขาด เพราะจะทำให้ Jack Ryan กลายเป็นหนังแอ็คชั่นดาษดื่นทั่วไปในทันที

ความชอบส่วนตัว: 7/10

Previous articleOscar: Behind the Scenes (1) – ใครคือผู้ตัดสินรางวัล?
Next articleThe Act of Killing – ภูมิใจที่ได้ “ฆ่า”

จุรีพร โนนจุ่น
Latest posts by จุรีพร โนนจุ่น (see all)