จริงๆ ภาคก่อนๆ ของ “Despicable Me” รวมถึงภาคแยก “Minions” ก็ใช่ว่าจะสนุกมากมายเท่าไหร่ เพียงแต่จุดแข็งของแฟรนไชรส์นี้คือความน่ารักของเหล่า Minions ที่มักจะขโมยซีนให้เราหลงรักเสมอ ก็ขนาดที่ว่าหลายคนจดจำเหล่า Minions ได้มากกว่า “Gru” ที่เป็นตัวเอกจริงๆ ของเรื่องด้วยซ้ำ (ตอนซื้อบัตรภาคนี้ พนักงานยังเรียกว่าหนัง Minions เลย)
คิดว่าทีมงานภาคนี้ก็คงอยากทำ Despicable Me ให้กลายเป็นหนังของ Gru มากขึ้น เลยลดบทบาทของเหล่า Minions ลง และโฟกัสเรื่องราวของ Gru มากขึ้น โดยภาคนี้เปิดตัว “Dru” น้องชายฝาแฝดที่พลัดพลาดกันไปนาน และพยายามจะชักชวน Gru ให้กลับมาเป็นวายร้ายอีกครั้ง หลังจากที่ภาคก่อนเลิกการเป็นวายร้ายมาเป็นสายลับเต็มตัว
ปัญหาคือเนื้อเรื่องใน Part ของ Gru และ Dru ก็ยังไม่น่าสนใจเท่าไหร่ เอาเข้าจริงแทบไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องใส่บทน้องชายฝาแฝดเข้ามาเลยด้วยซ้ำ (ถ้าไม่นับว่าคิดเนื้อเรื่องอื่นไม่ออกแล้ว) และทั้งๆ ที่ 2 คนนี้เป็นพี่น้องกันแท้ๆ แต่ตัวหนังกลับไม่สามารถถ่ายทอดให้เรารู้สึกถึงความรักความผูกพันของพี่น้องคู่นี้ได้เลย
อีกจุดคือความสัมพันธ์ระหว่าง Gru กับลูกๆ บุญธรรมของเขา ก็ดูจะถูกลดความสำคัญลงไปเช่นกัน และหนังพยายามดันให้ Lucy (แฟนของ Gru) เป็นตัวละครหลักที่คอยดูแลเด็กๆ แทน โดยมีเป้าหมายให้เด็กๆ ยอมรับเธอในฐานะ “แม่” ให้ได้ แต่เรื่องราวใน Part ของ Lucy และเด็กๆ ก็เป็นไปอย่างราบเรียบ และไม่ทำให้เรารู้สึกถึงสายสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอสักเท่าไหร่เหมือนกัน
“Despicable Me 3” จึงเป็นความพยายามในการทวงคืนหนังมาให้ Gru แต่ก็ทำไม่สำเร็จ เมื่อสิ่งที่ใส่เข้ามาขาดความน่าสนใจ ซึ่งในภาคก่อนๆ นั้น ไม่ว่าเรื่องจะราบเรียบเพียงไร อย่างน้อยก็ยังมี Minions มาคอยดึงอารมณ์ได้อยู่ แต่สำหรับภาคนี้แล้ว Minions ก็เอาไม่อยู่จริงๆ เพราะตัวเองก็โดนลดความสำคัญ และความน่ารักก็ไม่ได้มีมนต์ขลังเช่นเคย